เนื่องจากคิดว่าอันตรายกว่าโรคความดันโลหิตต่ำ แถมคนส่วนใหญ่ก็มักเป็นโรคความดันโลหิตสูง ทำให้หลายๆคนพุ่งเป้าไป
เน้นที่โรคความดันโลหิตสูงกัน แต่สำหรับโรคความดันโลหิตต่ำนั้นก็เป็นภัยเงียบที่ร้ายแรงและอันตรายไม่แพ้ความดันโลหิตสูงเลยทีเดียว
โรคความดันโลหิตต่ำ คืออะไร
โรคความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) คือ ภาวะที่ค่าความดันโลหิตต่ำ90-50 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งพบมากใน
ผู้หญิงที่ร่างกายอ่อนแอหรือผู้สูงอายุที่มีคนในครอบครัวเคยเป็นมาก่อน และหากใครมีความดันต่ำมากๆ จะส่งผลให้เลือดในร่างกาย
เกิดการไหลเวียนช้า ทำให้เลือดไปเลี้ยงในส่วนต่างๆของร่างกายไม่พอ และเกิดลิ่มเลือดได้ง่ายทำให้บริเวณหลอดเลือดเกิดการอุตัน
สำหรับโรคความดันโลหิตต่ำนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ชนิดเรื้อรัง และชนิดเฉียบพลัน โดยความดันโลหิตต่ำชนิดเรื้อรังอาจ
เป็นมาตั้งแต่กำเนิดแบบไม่ทราบสาเหตุ หรือเกิดจากพันธุกรรม รวมทั้งการเปลี่ยนอิริยาบถอย่างรวดเร็วก็เป็นอีกส่วนสาเหตุหนึ่ง
ตลอดจนการใช้ยาหรือเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ส่วนความดันโลหิตต่ำชนิดเฉียบพลันจะมีความดันลดลงอย่างรวดเร็วกว่าปกติ
มักหน้ามืดหรือช็อคจนหมดสติ
สาเหตของโรคความดันโลหิตต่ำ
สำหรับความดันโลหิตต่ำนี้มักมีสาเหตุจากหลายๆ ปัจจัย โดยความดันต่ำเกิดจากภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดแดงของปอด หรือ
ลิ้นหัวใจทำงานผิดปกติเพราะอัตราการส่งออกจากหัวใจลดลง รวมทั้งหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ
ตลอดจนภาวะขาดน้ำทำให้ปริมาณเลือดในร่างกายลดลง หรือมีการขยายตัวของหลอดเลือดมากเกินปกติเนื่องจากโรคภูมิแพ้
ช็อกจากภาวะติดเชื้อ การใช้ยาบางชนิด และในหญิงตั้งครรภ์ หรือการอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัดๆ เป็นต้น
อาการของโรคความดันโลหิตต่ำ
โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำก็มักไม่มีอาการเช่นเดียวกับโรคความดันโลหิตสูง ส่วนในผู้ที่มีอาการ เช่น จะรู้สึกเวียน
ศีรษะง่าย หรือหน้ามืดเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถจากท่าหนึ่งไปเป็นอีกท่าหนึ่ง และมักจะรู้สึกอ่อนเพลียง่ายแม้ว่าได้นอนเต็มอิ่มแล้วก็ตาม
หรืออาจหูอื้อ ตาลาย ปวดศีรษะ หลัง หรือบั้นเอว สมองล้า ขี้ลืม ไม่มีสมาธิ และมือเท้าเย็น หรือซักหมดสติ และในบางคนที่มีอาการ
ของโรคความดันโหลิตต่ำมากก็อาจถึงขั้นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปเลย
การวินิจัยฉัยโรคความดันโลหิตต่ำ
เมื่อไปพบแพทย์แล้วแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคความดันโลหิตต่ำโดยการวัดความดันโลหิต ซักประวิติและอาการ รวมทั้งมอง
ถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งอายุ โรคเรื้อรัง การเคยได้รับยาบางชนิด เช่นเบาหวาน หรือยาโรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น และการขาด
น้ำเนื่องจากอาเจียนรุนแแรง หรือท้องเสีย จากนั้นก็อาจเจาะเลือดดูค่าของระดับน้ำตาลในเลือดในกรณีเป็นเบาหวาน หรือ
ตรวจโดยคลื่นไฟฟ้าหัวใจกรณีสงสัยว่าเป็นโรคหัวใจ เป็นต้น ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์เป็นหลัก
การรักษาโรคความดันโลหิตต่ำ
สำหรับการรักษาโรคความดันโลหิตต่ำนั้น แพทย์จะช่วยเพิ่มระดับความดันโลหิตให้อยุ้ในเกณฑ์ปกติโดยรักษาตามอาการของสาเหตุ
ที่เกิดโรคความดันโลหิตต่ำ อย่างภาวะขาดน้ำ แพทย์จะรักษาโดยการให้น้ำและเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำ หรือหากอยู่ในภาวะ
ขาดเลือดเสียเลือดมากก็จำทำให้ทดแทนเลือดที่เสียไป และเมื่อหลอดเลือดเกิดอาการขยายตัวผิดปกติ แพทย์ก็จะทำการรักษาโรค
ความดันโลหิตต่ำโดยการให้ยาเพิ่มความดันหรือเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือด ตลาดจนเป็นเบาหวานแพทย์ก็จะปรับยาเบาหวาน
ให้แก่ผู้ป่วยโรคความดันต่ำนี้ เป็นต้น
การดูแลตนเองหลังการรักษาโรคความดันต่ำ
หลังพบแพทย์ทำการรักษาเรียบร้อยแล้วควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยาต่างๆ อย่างถูกต้อง ดื่มน้ำเปล่า
ให้ได้อย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้ว รูัจักเคลื่อนไหวร่างกายให้สม่ำเสมอบริหารร่างกายให้เป็นะคะ โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนอิริยาบถไม่ว่า
จะเป็นท่าใดก็แล้วแต่ให้ค่อยๆ ทำหรือเปลี่ยนอย่างช้าๆ ไม่ควรรีบเปลี่ยนท่า เพราะจะทำให้หน้ามืดเป็นลมล้มลงได้ง่ายๆ
รวมทั้งไม่ยืนหรหือนั่งไขว้ห้างเป็นเวลานาน ตลอดจนรับประทานอาหารในปริมาณพอเหมาะแก่ร่างกาย และหากอาการไม่ดี
ขึ้นหรือเกิดเจ็บแน่นหน้าอกขึ้นมาให้รีบกลับไปพบแพทย์
เพื่อทำการวินิจฉัยอีกครั้งโดยเร็ว
การป้องกันโรคความดันโลหิตต่ำ
ระมัดระวังการใช้ยา หลีกเลี่ยงการซื้อยามาทานเอง
ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6 - 8 แก้วต่อวัน เป็นประจำสม่ำเสมอ
ทำการรักษาโรคต่างๆ ที่เป็นสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะโรคความดันโลหิตต่ำ
เป็นท่าทางให้ช้าลง
ออกกำลังกายเป็นประจำ ให้เหมาะสมกับร่างกายของตนเอง
รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่
ดังนั้นการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะการไม่มีโรค...เป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ
ต่อให้มีเงินทองมากแค่ไหน หากร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยบ่อยคงไม่มีความสุข หมั่นดูแลรักษาร่างกายไม่ให้ใรคต่างๆเข้ามากล้ำกราย
references
ฐานข้อมูล : เกร็ดความรู้.net
อาหารเสริม Herbraga ช่วยปรับสมดุลความดัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น