และอาจลุกลามจนเลยตีนผมมาจนถึงหน้าผาก ต้นคอ ท้ายทอยหรือหลังหู ผู้ที่มีปัญหาสะเก็ดเงินบริเวณศีรษะส่วนใหญ่จะมีบริเวณอื่นๆด้วย มีน้อยมากที่จะเกิดบริเวณศีรษะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
วิธีรักษาสะเก็ดเงิน
การใช้อาหารบำบัด
-อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนเรามีสุขภาพดีหรือไม่ดีก็ได้ ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรารับประทานเข้าไป ในปัจจุบันมีงานวิจัยและผลสรุปจากนักวิทยาศาสตร์แล้วว่า การบำบัดโรคภัยไข้เจ็บด้วยอาหารเป็นสิ่งทีทำแล้วเห็นผลได้รวมถึงโรคสะเก็ดเงินด้วย
หลักสำคัญที่จะช่วยให้ดีขึ้นได้อย่างถาวรยาวนาน คือ เรื่องการรักษาสมดุลกรดด่าง ดังนั้น การทานอาหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้สะเก็ดเงินที่ศีรษะดีขึ้นได้เร็วจากภายในสู่ภายนอก อย่างไรก็ตามวิธีการนี้ค่อนข้างใช้เวลานาน คนไข้ต้องมีความอดทนและมีวินัยในการเลือกทานอาหาร จึงจะประสบความสำเร็จแและหายจากสะเก็ดเงินได้ รายละเอียดเพิ่มเติม อาหารต้านสะเก็ดเงิน
การใช้สมุนไพร
-สมุนไพรที่ใช้รักษาสะเก็ดเงินต้องเป็นตำรับยา คือ มีส่วนผสมของสมุนไพรชนิดต่างๆเพื่อให้มีการเสริมฤทธิ์และหักล้างความเป็นผิดของสมุนไพรบางตัวออกไป จะเรียกว่าเป็นสูตรก็ได้ อย่างไรก็ตามสูตรสมุนไพรสะเก็ดเงินไม่ได้มีข้อมูลที่แน่ชัดนัก ผู้ที่ทราบมักจะเป็นแพทย์แผนไทยและแผนจีนที่มีประสบการณ์และเคยรักษาคนไข้สะเก็ดเงินมาก่อน ดังนั้น การใช้ยาจึงต้องปรึกษาแพทย์เหล่านี้เสียก่อน
การแพทย์แผนปัจจุบัน
-มีวิธีการรักษาหลายแนวทางที่จะช่วยให้สะเก็ดเงินบนศีรษะสงบลงได้ ประเด็นสำคัญ คือ เราต้องเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับเราให้ได้ เพราะร่างกายแต่ละคนโดยพื้นฐานแล้วไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นกับเวลา ความสะดวกและงบประมาณที่เรามีด้วย
-ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันดิน (Tar) และจาก salicylic acid โดยทั่วไปแล้วค่อนข้างมีประสิทธิภาพสำหรับสะเก็ดเงินทีเป็นไม่มาก ถ้าเป็นมากจำเป็นต้องหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมและทำอย่างสม่ำเสมอ การรักษารวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ทาภายนอกและการฉายแสง UV เป็นบางครั้ง การรักษาสะเก็ดเงินมักจะใช้หลายวิธีร่วมกันและสลับวิธีการรักษาไปเรื่อยๆ เพราะผลตอบสนองของสะเก็ดเงินต่อการรักษาด้วยวิธีการซ้ำๆมักจะน้อยลง การรักษาด้วยการทานยาหรือฉีดยาโดยปกติแล้วไม่ใช้กับอาการสะเก็ดเงินบนศีรษะ แต่จะใช้สำหรับผู้ที่มีอาการสะเก็ดเงินบริเวณอื่นที่มีอาการรุนแรง
-การรักษาต้องทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะควบคุมการเกิดสะเก็ดเงินได้ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลา 8 สัปดาห์หรือมากกว่านั้น เมื่อเราควบคุมได้แล้ว เราจะป้องกันการกลับมาของสะเก็ดเงินด้วยแชมพูน้ำมันดินหรือแชมพูยาชนิดอื่นๆสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้งหรือทุกวัน (ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์)
วิธีรักษาและผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินบนศีรษะ
1. แบบที่ทำเองได้ที่บ้านและหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ตามร้านขายยา
Salicylic Acid
เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ใช้ทำให้สะเก็ดเงินที่แข็งกระด้าง มีความอ่อนลงและหลุดออกไป สามารถใช้ร่วมกับน้ำมันดินและผลิตภัณฑ์อื่นได้ มักผลิตออกมาในรูปของสบู่และแชมพูหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป อย่างไรก็ตาม การใช้กรดชนิดนี้ในความเข้มข้นที่มากขึ้นสามารถทำให้เกิดความระคายเคืองได้ ร่างกายอาจจะซึมซับกรดชนิดนี้ได้หากใช้ในบริเวณผิวหนังพื้นที่กว้าง ผลข้างเคียงของกรดชนิดนี้คือ การทำให้หนังศีรษะและเส้นผมอ่อนแอเกิดอาการผมร่วงชั่วคราว และจะกลับสู่สภาวะปกติได้เมื่อหยุดใช้
น้ำมันดิน (Tar)
-ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินที่มีส่วนผสมของน้ำมันดิน ส่วนใหญ่หาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยไม่ต้องมีใบอนุญาตจากแพทย์ มีอยู่ตามท้องตลาดในหลายรูปแบบ เช่น สบู่ แชมพู ขี้ผึ้ง เจล ครีม เป็นต้น แพทย์อาจจะสั่งให้ใช้ในความเข้มข้นที่แตกต่างตามความจำเป็น โดยใช้เพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมการผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นก็ได้ ถึงแม้ว่าน้ำมันดินจะรักษาสะเก็ดเงินได้ แต่ก็มีผลกับเส้นผม กล่าวคือ อาจทำให้ผมเป็นสีเทาหรือสีขาว มีคราบติดปลอกหมอนและมีกลิ่นแรง
-การสกัดน้ำมันดินนิยมสกัดจาก 2 แหล่งคือ ถ่านหินและไม้ น้ำมันดินที่ได้จากถ่านหินเรียกว่า Coal Tar และน้ำมันดินที่ได้จากไม้เรียกว่า Wood Tar ด้วยคุณสมบัติของ Coal Tar ที่สามารถรักษาสะเก็ดเงินได้ Coal Tar จึงได้ถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงิน
-ผลข้างเคียงของการใช้ Coal Tar คือ ความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขของอเมริกาได้ออกมาบอกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Coal Tar ระหว่าง 0.5% - 5% ปลอดภัยต่อผู้ใช้และรักษาสะเก็ดเงินได้และยังไม่เคยพบหลักฐานใดที่แสดงว่า Coal Tar ในผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินเป็นสารก่อมะเร็งอย่างแน่ชัด
การใช้แชมพูน้ำมันดินให้ได้ผล ควรจะสระแล้วนวดทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นค่อยล้างออก ระวังอย่าให้แชมพูน้ำมันดินเข้าตาหรือถูกผิวหน้าเพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้ การใช้ครีมนวดทั่วไปหลังการสระจะช่วยลดกลิ่นของน้ำมันดินได้บ้าง แต่ก็จะทำให้น้ำมันดินติดอยู่ที่หนังศีรษะน้อยลง และลดประสิทธิภาพการรักษาลงตามไปด้วย
ในส่วนของครีม ขี้ผึ้ง เจลหรือโลชั่น เราสามารถนวดบนหนังศีรษะทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วค่อยล้างออก ซึ่งโดยปกติแล้วผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้สามารถใช้กับสะเก็ดเงินที่เกิดบริเวณอื่นๆได้
*** แชมพูสำหรับสะเก็ดเงินไม่ว่าชนิดใด จะมีส่วนผสมของสารชนิดไหน จะเน้นคุณสมบัติในการรักษาสะเก็ดเงินบนศีรษะ ไม่ได้บำรุงรักษาเส้นผมของเรา ดังนั้น เราจึงต้องหาจุดสมดุลของการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้ดีเพื่อให้สะเก็ดเงินหายและเส้นผมยังแข็งแรงดีอยู่
2. แบบที่ต้องใช้ภายใต้คำสั่งจากแพทย์
-วิธีการรักษาที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ ท่านอาจทำความเข้าใจหรือรู้ไว้เพื่อเป็นทางเลือกและเป็นแนวทางในการรักษาสะเก็ดเงินภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะมีผลข้างเคียง มากน้อยขึ้นอยู่กับวิธีการและผลิตภัณฑ์ที่ใช้
Anthralin
-รายละเอียด มีลักษณะเป็นครีมทางทิ้งไว้แล้วล้างหรือสระออก ความเข้มข้นทั่วไปที่ใช้กัน คือ 0.25% หรือ 0.5% ความเข้มข้นของ Anthralin ยิ่งมาก ระยะเวลาที่ทิ้งไว้ยิ่งสั้น
ผลข้างเคียง ทำให้เกิดคราบติดบนผิวหนังและอาจสร้างความระคายเคืองกับผิว เวลาล้างสารตัวนี้อย่าให้ถูกหน้าผาก ใบหน้า และต้องระวังไม่ให้เข้าตา
-การใช้ยาต้านจุลชีพ (Antimicrobial therapy)
รายละเอียด เป็นยารับประทาน ใช้ในกรณีที่มีการติดเชื้อในบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินหรือติดเชื้อที่ร่างกายพร้อมๆกับมีอาการสะเก็ดเงินร่วมด้วยผลข้างเคียง เกิดได้หลายลักษณะเพราะยาต้านจุลชีพจะเข้าไปทำลายจุลชีพทั้งหมดทั้งฝ่ายดีและฝ่ายเลว
Calcipotriene
-รายละเอียด เป็นสารในรูปของวิตามิน D3 ใช้ทาภายนอกเฉพาะบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินบนศีรษะ ผลข้างเคียง ไม่ควรทาบริเวณที่ไม่ได้เป็นสะเก็ดเงินเพราะอาจเกิดความระคายเคือง อีกทั้งการใช้ต้องมีการควบคุมเพราะส่งผลให้ปริมาณแคลเซียมในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
Calcipotriene and betamethasone dipropionate
-รายละเอียด เป็นสารที่มีส่วนผสมของวิตามิน D3 (Calcipotriene) และสารสเตอรอยด์ (betamethasone dipropionate)
ผลข้างเคียง ไม่ควรใช้นานจนเกินไปเพราะวิตามิน D มีผลต่อปริมาณแคลเซียมในร่างกายและสเตอรอยด์มีผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น ผิวบาง ติดเชื้อง่าย แตกลาย ฉีกขาดและฟกช้ำได้ง่าย มีผื่นขึ้นรอบปาก เกิดอาการแพ้สเตอรอยด์
การฉีดสเตอรอยด์บริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินโดยตรง (Intralesional steroid scalp injections)
-รายละเอียด ใช้ในกรณีที่ต้องการให้สะเก็ดเงินดีขึ้นแบบเร่งด่วนสำหรับคนไข้ที่เป็นสะเก็ดเงินไม่มากนัก โดยการฉีดสเตอรอยด์เข้าที่ผื่นสะเก็ดเงินโดยตรง
ผลข้างเคียง ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจะมีตั้งแต่ ผลที่เกิดขึ้นหลังรับยาทันทีและผลที่เกิดขึ้นในภายหลัง ถ้าเป็นไม่มากก็จะมีผลต่อผิวหนังบริเวณที่ฉีดสเตอรอยด์เข้าไป เช่น ภาวะเนื้อเยื่อไขมันเจริญผิดเพี้ยน (Lipoatrophy) ซึ่งทำให้เกิดรอยบุ๋มลึกบนผิวหนัง ภาวะด่างขาว (Leukoderma) ซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังบริเวณนั้นตาย ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ และถ้าใช้ในปริมาณที่มากเกินไปจะส่งผลร้ายต่อหัวใจ ระบบการสร้างฮอร์โมน กระดูกและกล้ามเนื้อ เป็นต้น
การรักษาแบบเป็นระบบ (Systemic treatments)
-รายละเอียด เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสะเก็ดเงินในระดับกลางและรุนแรง โดยมีการให้ยารับประทานและยาฉีด ผลข้างเคียง อาจมีอาการผมร่วงในช่วงการรักษาได้ แต่จะดีขึ้นเมื่อหยุดการรักษาแล้วและอาจมีผลข้างเคียงอย่างอื่นขึ้นกับยาที่ใช้รักษา
Tazarotene
รายละเอียด เป็นอนุพันธ์ของวิตามิน A มักผลิตออกมาในรูปแบบของครีมและเจล และอาจมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับสเตอรอยด์ ใช้ทาบางๆบริเวณที่เป็นผื่นสะเก็ดเงิน หลังทามักทำให้ผิวบริเวณนั้นแห้งและเกิดอาการคันได้ จึงแนะนำให้ทามอยเจอไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น 30 นาที ก่อนใช้ครีมชนิดนี้ มีข้อดี คือ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ทาผิวหน้าได้ แต่...ไม่ควรใช้ทารอบดวงตา ผลข้างเคียง เป็นสิวรุนแรง ผิวแห้ง ไวต่อแสงแดด คันและบวมแดงได้
สเตอรอยด์สำหรับทาภายนอก (Topical steroids)
-รายละเอียด ผลิตออกมาในหลายรูปแบบ ครีม ขี้ผึ้ง เจล โฟม โลชั่น เป็นสารชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ในการรักษาสะเก็ดเงินได้จริง แต่เนื่องจากมีผลข้างเคียง จึงไม่ควรใช้ติดต่อกับเป็นเวลานานๆ อีกทั้งการหยุดใช้สเตอรอยด์แบบปัจจุบันทันด่วนจะทำให้สะเก็ดเงินกลับมาเป็นมากขึ้น ผู้ใช้จึงควรใช้ภายใต้การแนะนำและดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด
ระวังอย่าให้สเตอรอยด์เข้าตาและไม่ควรทาสเตอรอยด์บริเวณผิวหนังที่มีความอ่อนไหว เช่น ผิวหน้า ใต้ราวนมหรืออวัยวะเพศ นอกจากได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น
ผลข้างเคียง สเตอรอยด์มีผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น ผิวบาง ติดเชื้อง่าย แตกลาย ฉีกขาดและฟกช้ำได้ง่าย มีผื่นขึ้นรอบปาก เกิดอาการแพ้และยังมีผลต่อสุขภาพโดยรวมด้วย กล่าวคือ ไปยังยั้งการสร้างสเตอรอยด์ตามธรรมชาติจากต่อมหมวกไต ซึ่งเป็นสารจำเป็นทีทำให้สุขภาพแข็งแรง อีกทั้งถ้าใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็จะทำให้ป่วยเป็นโรคคุชชิ่งด้วย
เคล็ดลับในการดูแลสะเก็ดเงินที่ศีรษะ
-โดยปกติแล้วผิวหนังบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินจะแห้ง แสบและมีลักษณะแข็ง การทำให้สะเก็ดเงินอ่อนลงและหลุดออกเป็นสิ่่งแรกที่เราควรทำเพื่อให้การใช้ยาทาจากภายนอกได้ผลเต็มที่ เพราะซึมเข้าสู่ผื่นสะเก็ดเงินได้เต็มที่
ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผื่นสะเก็ดเงินอ่อนลงมักมีส่วนผสมของ Salicylic Acid ยูเรีย กรดแลคติค และฟีนอล ทาทิ้งไว้ตามเวลาที่แนะนำนานแค่ไหนขึ้นกับคำแนะนำการใช้ของแต่ละผลิตภัณฑ์ สะเก็ดเงินจะอ่อนตัวและหลุดลอกออกไปตอนที่เราล้างออกและสระผมด้วยแชมพู เวลาที่เห็นจะเหมาะสมในการใช้ผลิตภัณฑ์คือ เวลาก่อนนอน เราอาจจะทาผลิตภัณฑ์ก่อนนอน เสร็จแล้วนำหมวกอาบน้ำมาครอบไว้ก็ได้
-การใช้น้ำอุ่นล้างบนศีรษะ(ไม่ใช่น้ำร้อน)และตบศีรษะเบาๆเหมือนช่างสระผมทำที่ร้านตัดผม จะช่วยให้สะเก็ดเงินหลุดออกได้ง่ายขึ้น
อีกวิธีหนึ่งที่นิยมกันคือ ใช้โลชั่น ครีม น้ำยา น้ำมันหรือขี้ผึ้ง (โลชั่น ครีมและขี้ผึ้งต้องเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสะเก็ดเงินเท่านั้น แต่ถ้าเป็นน้ำมันจะใช้เป็นน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นก็ได้) ทาบริเวณสะเก็ดเงิน จากนั้นทำให้หนังศีรษะชื้นด้วยการเอาผ้าชุบน้ำร้อนมาพันหรือปิดไว้ ถ้าจะให้ง่ายกว่านั้นอาจจะใช้เป็นหมวกอบไอน้ำแทนก็ได้ แต่ไม่ควรปรับอุณหภูมิให้ร้อนจนเกินไป
หลังจากที่เราทำให้สะเก็ดเงินอ่อนลงแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาต้องเอาสะเก็ดเหล่านั้นออกด้วยการใช้แปรงหรือหวี โดยเลือกใช้แปรงหรือหวีที่ซี่ไม่คมและช่วยนวดหนังศีรษะ แปรงเบาๆก็จะช่วยให้สะเก็ดเงินหลุดออกได้ จากนั้นก็ล้างศีรษะด้วยน้ำอุ่นและสระผมได้ตามปกติ ระวังนิดนึง การใช้หวีไม่ถูกประเภทและใช้ไม่ถูกวิธี เช่น มีซี่คมเกินไปหรือแปรงหนังศีรษะแรงเกินไป อาจะทำให้เกิดการระคายเคือง อักเสบและติดเชื้อบนหนังศีรษะได้
หลังจากทีสระผมเสร็จแล้วก็ถึงเวลาใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อรักษาบริเวณที่เป็น โดยหยดหรือทาลงบริเวณที่เป็นโดยตรง เชื่อว่าหลายคนคงเคยไปร้านเสริมสวย การทายา น้ำมัน ครีม ขี้ผึ้งหรืออะไรก็แล้วแต่ ต้องมีการแหวกผมออกแล้วทาหรือหยดลงไป เพื่อให้เข้าถึงบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงินบนศีรษะได้เต็มที่ ระวังอย่าให้เข้าตา
หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ทาบนหนังศีรษะแล้ว ปัญหาที่มักจะเกิดตามมาคือ การทิ้งคราบหรือกลิ่นบนที่นอนหรือปลอกหมอน ผลิตภัณฑ์บางชนิดทิ้งคราบบนปลอกหมอนและมีกลิ่นแรง เช่น น้ำมันดิน หากไม่ต้องการให้ปลอกหมอนและผ้าปูสวยๆเปื้อนเลอะเทอะ เราอาจใช้ถุงพลาสติก ผ้าขนหนู ปูรองบริเวณที่สัมผัสกับศีรษะเวลานอน
หากเรามีสะเก็ดเงิน บริเวณหน้าผาก คอ และหู ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สะเก็ดเงินให้ถูกกับผิวบริเวณนั้น เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวใช้บนศีรษะได้แต่ใช้กับผิวบริเวณเหล่านี้ไม่ได้
อาการคันกับสะเก็ดเงินเป็นของคู่กัน ถ้าเรามีอาการคันศีรษะบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงิน สาเหตุส่วนใหญ่จะเกิดจากผิวหนังบริเวณนั้นแห้งและขาดความชุ่มชื้น จากอาการของโรคเองก็ดี จากผลิตภัณฑ์บางตัวที่เราใช้อยู่บางตัวก็ดี แนะนำให้ใช้ครีมนวดผมหลังสระ(สำหรับสะเก็ดเงิน)และทาน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกเพิ่มเติมก็ได้
หลักเลี่ยงผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม น้ำยาย้อมผม ดัดผมหรือผลิตภัณฑ์ใดๆที่อาจสร้างความระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ซึ่งอาจทำให้อาการสะเก็ดเงินปะทุและลุกลามได้
ขอบคุณ : http://psoriasisctrl.com/cure-scalp-hair-psoriasis/
อีกทางเลือก 1 ขอผู้ที่มีภาวะเป็น สะเก็ตเงิน อาหารเสริมเฮอร์บากร้า 2 แคปซูลก่อนนอน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น